การศึกษาเป็นไป
เช่นนั้น
แต่ออกดอกคราวไร
งามเด่น
งานสั่งสอนปลูกปั้น
เสร็จแล้วแสนงาม
จากคำประพันธ์นี้แสดงให้เห็นว่า อาชีพครูไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้สอน
แต่ยังเป็นผู้ปลูกปั้น และสร้างให้ศิษย์ของตนเป็นคนที่น่านับถือ
ในสังคม
ปัจจุบันอาชีพครูเป็นอาชีพที่ต้องเหนื่อยมาก
ต้องทุ่มเทอดทนเพื่อที่จะให้
นักเรียนมีอนาคตที่สดใส สวยงาม คำว่า "ครู"
จึงเป็นคำที่มีความหมายยิ่ง
ใหญ่ ไม่ว่าใครเมื่อได้ยินคำว่า "ครู"
ก็จะคิดถึงเพียงแต่ผู้ให้วิชาความรู้ แต่
แท้จริงแล้วครูยังเป็นมากกว่าผู้ให้วิชา ครูให้ชีวิต
สั่งสอนให้นักเรียนมี
ระเบียบ มีความรับผิดชอบ คอยดูแล
และชี้แจงเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง
โดยหวังเพียงให้พวกเรา "ได้ดี"
และสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ และมีความสุข ครูเป็นผู้มีความอดทน
เพราะการศึกษานั้น
ต้องเป็นไปอย่างช้า ๆ เพื่อที่จะได้ประชากรที่มีคุณภาพดี
จึงดุจกล้วยไม้ที่
มีดอกได้ช้า แต่เมื่อออกดอกคราวใด ก็สวยงามเสมอ
นักเรียนบางคนเมื่อครูอบรมว่ากล่าวตักเตือนมักจะมีทิฐิ
ไม่ยอม
รับผิด แต่ถ้าเราระลึกนำเอาคำสั่งสอนตักเตือนมาปรับปรุง
และแก้ไขตน
เองในทางที่ดี และถูกต้อง ก็จะทำให้เรามีอนาคตที่สดใส
ครูจึงเปรียบดัง
ผู้ปั้นงานปติมากรรมชิ้นเอก กล่าวคือ เป็นปฏิมากรผู้ปั้นก้อนดินธรรมดา
คือศิษย์อย่างพวกเราให้เป็นภาชนะที่มีค่าและมีราคาสูง
โดยใช้ความตั้ง
ใจและเวลาในการสร้างสรรค์ก้อนดินธรรมดาให้เป็นงานที่มีค่า
ในขณะ
เดียวกัน เราอาจเปรียบครูเหมือนแสงเทียนส่องสว่างในความมืด กำจัด
อวิชชา สร้างปัญญาให้ศิษย์
โดยหวังว่าศิษย์แต่ละคนจะมีทางเดินที่งด
งามในอนาคตต่อไป การไหว้ครูในทุกปีการศึกษาจึงเป็นการสอนนักเรียน
ให้ระลึกถึงคุณของครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนศิษย์ด้วยความเหนื่อยยาก เพื่อ
ผลดีในอนาคต และตระหนักถึงคุณค่าของนักเรียน
ดังเช่นคำประพันธ์
ข้างต้นที่กล่าวมา
ครูเปรียบเทียนส่องสว่างทางชีวิต นำทางศิษย์ไปถึงฝั่งอย่างสดใส
หวังแค่เพียงเจ้าก้าวผ่านอย่างตั้งใจ ยังผลให้สุขล้นคนเป็นครู
ทุกครั้งในวันไหว้ครู ผมจะระลึกเสมอว่า ครูคือผู้ให้สิ่งที่ดีแก่ศิษย์
และให้ตลอดชีวิตของครู ขอบคุณครับ